ประเพณีทอดกฐิน
สมัยแรกเริ่มเดิมที่เกิดขึ้นเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ในวัดก่อน คฤหัสถ์ยังทำไม่ได้เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นของภิกษุที่อยู่ในอาวาสเดียวกัน จะต้องถือนิสัย คือ ถือความเป็นศิษย์เล่าเรียนพระธรรมวินัยในสำนักพระเถระก่อน ถึงคราวจะจากไปเป็นเหตุให้ภิกษุทั้งหลายคิดถึงอุปการะคุณ จึงเรี่ยไรผ้าที่หาได้คนละเล็กละน้อยทำเป็นสบง จีวรสังฆาฎิ เพื่อถวายเป็นของที่ระลึกพระพุทธานุญาตในการทำกฐินนี้เพื่อส่งเสริมการมีอุปการะคุณต่อผู้ใหญ่ และปฏิบัติกิจการของผู้น้อยให้เจริญขึ้นด้วยสามัคคีธรรม และยังเป็นการฝึกหัดให้พระสงฆ์ชำนาญในการตัดเย็บจีวรอีกด้วย
กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับขึงผ้าเพื่อสะดวกในการตัดเย็บจีวร ในสมัยโบราณช่างไม่มีความชำนาญอีกทั้งผ้าไตรจีวรของพระภิกษุ เป็นผ้าผืนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ยากที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ตายตัว การเย็บจีวรนั้นพระทั้งหลายก็จะมาช่วยกัน อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่ม เป็นต้น โดยความหมายผ้ากฐินก็คือ ผ้าที่สำเร็จรูปโดยใช้ไม้สะดึง ผู้ทอดกฐินก็คือผู้นำผ้ากฐินไปถวายแก่สงฆ์องค์ครองกฐินก็คือภิกษุผู้ได้รับผ้ากฐิน
ผ้ากฐิน คือ ผ้าที่สำเร็จรูปโดยอาศัยไม้สะดึง
ผู้ทอดกฐิน คือ ผู้นำผ้ากฐินไปถวายแก่สงฆ์
ผู้ครองกฐิน คือ ภิกษุผู้ได้รับผ้ากฐิน
ประวัติความเป็นมา
ประวัติการทอดกฐินมีอยู่ว่าสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร ครั้งนั้นมีภิกษุชาวเมืองปาไฐยยะ(ตะวันตกแคว้นโกศล) เดินทางมาเพื่อต้องการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
แต่ไม่ทันเพราะใกล้ฤดูเข้าพรรษาจึงต้องจำพรรษาในเมืองสาเกต ครั้นออกพรรษา ก็รีบเดินทางไปยังเมืองสาวัตถีระหว่างทางพื้นดินยังเป็นหลุมเป็นโคลนภิกษุทั้งหลายจีวรและ
ร่างกายต่างเปื้อนโคลน พระพุทธเจ้าทรงเห็นความลำบากของพระสงฆ์จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุรับผ้ากฐินได้ในฤดูออกพรรษา สำหรับพุทธศาสนิกชนคนแรกที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต
ให้ถวายผ้ากฐินก็คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา นับแต่นั้นมาพุทธบริษัทก็เริ่มทำบุญทอดกฐินจนกลายมาเป็นประเพณีจนทุกวันนี้ เมื่อถึงเวลาทอดกฐิน สิ่งที่น่าสังเกตคือ วัดใดที่จะมีการทอดกฐินจะต้องมีธงรูปจระเข้ติดที่หน้าวัดและขบวนกฐินก็จะมีธงรูปจระเข้นำขบวนไปด้วย การที่มีธงจระเข้มาเกี่ยวข้องด้วยนี้ นัยหนึ่งท่านว่า มีอุบาสกผู้หนึ่งแห่องค์กฐินไปทางเรือ จระเข้อยากได้บุญบ้างจึงอุตส่าห์ว่ายน้ำตามเรือไป จนหมดกำลังไปไม่ไหวจึงร้องบอกอุบาสกให้ช่วยเขียนภาพของตนที่ธง แล้วนำขบวนไปด้วยอุบาสกจึงได้เขียนรูปจระเข้ยกเป็นธงขึ้น ตั้งแต่นั้นมาจึงมีธงรูปจระเข้ติดที่วัดที่มีการทอดกฐินและนำขบวนกฐินไปด้วยจนถึงทุกวันนี้
เขตกำหนดการทอดกฐิน
ระยะเวลาในการทอดกฐินมีกำหนดตั้งแต่ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ไปจนถึงกลางเดือน ๑๒ มีกำหนด ๑ เดือนภายหลังจากออกพรรษาแล้วจะทอดก่อนหรือหลังที่กำหนดไม่ได้
ก่อนที่จะนำผ้ากฐินไปทอดที่วัดไหน จะต้องไป "จองกฐิน" คือไปนมัสการให้เจ้าอาวาสวัดนั้นทราบเสียก่อน ท่านจะได้ประกาศไว้ว่าวัดนั้น ๆ มีผู้จองแล้ว เพราะวัดไหนจะรับผ้ากฐินได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ประเภทของกฐิน มี ๒ ชนิด คือ
( ๑) กฐินหลวง คือ กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดเองหรือโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปแทนพระองค์หรือข้าราชการ ประชาชน ผู้ใด
ผู้หนึ่งหรือคณะบุคคลขอพระราชทานไปทอด ณ วัดพระอารามหลวง วัดใดวัดหนึ่ง
( ๒) กฐินราษฎร์ คือกฐินที่ผู้มีจิตศรัทธาผู้ใดผู้หนึ่ง หรือคณะบุคคลนำไปทอด ณ วัดราษฎร์ วัดใดวัดหนึ่ง
การทอดกฐินในอำเภอนาน้อยนั้นส่วนใหญ่ ผู้ทอดกฐินจะทอดเป็นคณะ เช่น คณะกฐินสามัคคีมาจากกรุงเทพฯ หรือจากต่างจังหวัด โดยคณะศรัทธาชาวบ้านจะร่วมสมทบทำบุญกับองค์กฐิน นอกจากนั้นการทอดกฐินบางแห่งกลางคืนจะมีมหรสพสมโภชครึกครื้น ญาติพี่น้องต่างหมู่บ้านมักจะไปร่วมอนุโมทนาด้วย
แหล่งที่มา:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น